Template CC ติดยาก
ClearCorrect เปลี่ยน template ใหม่แล้ว สามารถติดได้ง่ายขึ้น
Unlimited เทียบกับแบรนด์อื่นที่มีส่วนลด ราคาไม่ต่าง
หมอจำเป็นต้องใช้ Unlimited ขนาดไหน
ส่วนใหญ่ใช้ชิ้นงานเท่าไหร่ และถ้ามี option ให้คนไข้ได้แพ็กเกจที่จบเคสได้ ในราคาเข้าถึงง่ายกว่า คนไข้จะตัดสินใจง่ายขึ้นไหม จะช่วยเพิ่มคนไข้ในคลินิกไหม
และสำหรับเคสที่ไม่จำกัดชิ้นงาน CC ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝง มี rtn ให้ไม่จำกัด และเมื่อสั่ง rtn แล้วก็ยังสามารถจัดฟันใหม่ ทำ rtn ใหม่ได้ใน 5 ปี คุ้มค่ากว่าไหม
เพราะไม่จำกัดเหมือนกัน ไม่ได้เท่ากัน
CC ไม่มี Palatal expander
Clear aligner เคลื่อนฟันด้วยแรงผลัก จึงสามารถ expand arch ได้ดีอยู่แล้ว และแบรนด์อื่นๆที่มีฟีเจอร์นี้ก็ทำได้แค่ dento-alveolar expansion ไม่สามารถทำ skeletal expansion ได้อยู่ดี
ต้องถามว่าเคสที่ต้องการ expand ส่วนใหญ่ต้องการ expand กี่มม. แล้ว parameter เราทำได้อยู่แล้วไหม คนไข้จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็นหรือเปล่า
คนไข้ไม่ถามหา ClearCorrect
หมอได้โปรโมท ClearCorrect หรือแนะนำ ClearCorrect ให้กับคนไข้ทุกเคสไหม
วัสดุ ClearCorrect แข็ง
วัสดุของ ClearCorrect เป็นวัสดุที่ให้การออกแรงเคลื่อนฟันที่ดีโดยที่ยังคงความยืดหยุ่น แต่หากเทียบกับวัสดุที่ตัดแบบ scalloped อาจจะดูเหมือนแข็งกว่า เพราะขอบ trimline ที่ยาว แต่เมื่อใส่ไปแล้วไม่ทำให้รู้สึกเจ็บต่างกันมาก (รู้สึกตึงกว่าแค่ 4 ชม.แรก) ถ้าเทียบกับแรงที่ให้และระยะเวลาที่ใช้ ถือว่าคุ้มค่ากว่ามาก
Essential ถูกกว่า
จำนวนชิ้นงานเท่ากันไม่ได้เคลื่อนฟันได้เท่ากัน invisalign 1 step เคลื่อนได้ 0.25 mm (2 weeks) ในขณะที่ CC เคลื่อนได้ 0.3 mm (1 week) โดยที่ใช้เวลาต่อชิ้นน้อยกว่า
และจำนวนชิ้นงานสูงสุด essential 20+20 กับ CC One 24+24 ก็มีชิ้นงานมากกว่า 8 steps แถมมี rtn ให้อีก
หมอว่าคุ้มไหม และจบเคสสบายใจกว่าไหม
และหมอว่า่ถ้าคนไข้รู้ข้อนี้ คนไข้จะคิดว่าคุ้มเหมือนหมอไหม
Built-in button
Built in button แรงกระทำที่ Aligner เป็นหลัก ในการ distalize ฟัน อาจจะโอเค แต่ใน movement อื่นๆ การติด button เอง จะ predictable มากกว่า
คนไข้ไม่เลือก ClearCorrect
นอกจากประเทศที่ผลิตและราคา หมอได้ให้ข้อมูลเหล่านี้ไหม: การเคลื่อนฟันต่อ step, ความคุ้มค่า, รูป before-after
Trimline ดูใส่ไม่สบาย กลัวจะกดเหงือก
Performance trimline ของเราถูกออกแบบมาเพื่อให้ retention ที่ดี โดยไม่ต้องมี engager จำนวนเยอะๆ
ในบางเคสอาจขอเป็น low trimline ได้ แต่ถ้าเป็น trimline ปกติ จะ control แรงได้ดีกว่า คนไข้ที่มี short clinical crown หรือในเคสเด็กยิ่งได้ประโยชน์
และที่ผ่านมา คนไข้ในหลายๆคลินิกก็ยังรู้สึกสบายเวลาสวมใส่ เพียงแต่หมอต้องสแกนฟันให้เห็นขอบเหงือก 3-4 mm
เพราะฉะนั้นถ้ามองในแง่การลด chair time และ retention ที่ดี มองว่านี่คือประโยชน์ที่คุ้มค่ากว่า
ถ้าไม่เลือก Unlimited ก็กลัวจบเคสไม่ได้
ถ้าหมอมีประสบการณ์ทำแบรนด์อื่นมาก่อน อาจจะเคยชินกับการเลือกแพ็กเกจที่ไม่ง่ายก็ยากไปเลย เพราะหลังจากแพ็กเกจประมาณ 20 steps ก็ข้ามไป Unlimited เลย
จริงๆแล้วอยากให้ดูที่ parameter เป็นหลักในการเลือกเคส และเรามีตัวอย่างเคสให้ดูใน gallery ซึ่งจะเห็นได้ว่าในหลายเคสที่เป็น complex case แพ็กเกจที่เล็กลงมาก็อาจจะเพียงพอ
CC ไม่มี CBCT
ฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ในการพัฒนา เราต้องการพัฒนาในแม่นยำก่อนจะ launch แต่ในความเป็นจริง แบรนด์ต่างๆที่เป็น scalloped แล้วมี CBCT การที่ชิ้นงานจับแค่ตัวฟัน และอาศัย attachment มาช่วย ก็อาจไม่ได้ control แรงได้แม่นยำ 100 % อยู่ดี
คนไข้จับแล้วรู้สึกว่าชิ้นงานแข็ง น่าจะใส่ไม่สบาย
หมอได้ให้ข้อมูลคนไข้ไหม ว่าความแข็งไม่ได้มีผล significant ในเรื่องความรู้สึก แต่กลับกัน กลับให้ข้อดีเรื่องของการเคลื่อนฟันและระยะเวลาที่ใช้
CC ไม่มี in- face visuallization
หมอมีความมั่นใจที่จะ commit ผลลัพธ์ด้วยเทคโนโลยีนั้นขนาดไหน แล้วถ้ามีคนไข้ที่คาดหวังความเปลี่ยนแปลงมากกว่าแค่ฟัน หมอจะจัดการอย่างไร
ในแง่ของแผนการรักษา ClearPilot 10.0 สามารถปรับแต่งการเคลื่อนฟันได้หลากหลายและในแง่การแสดงผล ถือว่าทำได้ดี
Smartee ถูกกว่า
หมอคิดว่าคนไข้ตัดสินใจที่ราคาอย่างเดียวหรือต้องการความคุ้มค่า
ถ้าคนไข้รู้ว่า ClearCorrect สามารถใช้ชิ้นงานและระยะเวลาน้อยกว่าในเคสเดียวกันได้ คนไข้จะมีโอกาสเลือก ClearCorrect มากขึ้นไหม
(แชร์ให้ฟังว่ามีหมอที่ใช้ Smartee ส่งทำแผนได้ชิ้นงานมา 80 กว่า steps แต่ส่ง ClearCorrect ใช้ชิ้นงานน้อยกว่า และจบได้จริงมาหลายเคสแล้ว เพิ่มความน่าเชื่อถือในการ support คำตอบนี้)
CC ไม่มี AI แสดงผลลัพธ์ทันที
ถึงไม่มีฟีเจอร์นี้ แต่หมอสามารถปรับแก้แผนให้ออกมาเหมาะสมและรู้จำนวนชิ้นงานที่แน่นอนก่อนให้คนไข้ดูจริงได้
ซึ่งการใช้เวลาปรับแก้แผนและ staging รวมถึงการให้เวลาหมอมีเวลาเช็คแผน ถึงใช้เวลาหน่อย แต่อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
เสิร์ชหาไม่มีข้อมูล
แบรนด์ CC เพิ่งเข้าไทยไม่กี่ปี อาจจะยังมีเคสรีวิวน้อย แต่เราก่อตั้งมา 18 ปี มีคนไข้กว่า 60 ประเทศทั่วโลก คุณหมอสามารถเปิด case gallery ให้คนไข้ดูเพื่อความมั่นใจได้ เรามีเคสตัวอย่างเป็นร้อย คนไข้สามารถดูเคสที่ใกล้เคียงกับคนไข้ได้
และนอกจากเรื่องที่คนไข้ไม่มั่นใจที่หาข้อมูลไม่เจอ หรือไม่ค่อยเห็นใครรีวิวแล้ว เรื่องอื่นๆ มีเรื่องไหนที่คนไข้รู้สึกว่าน่าจะเป็นประโยชน์อีก
แผนกลับมาช้า
ในบางเคสอาจได้รับแผนใน 1 วัน ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นคิวเยอะไหม record มีความสมบูรณ์ และให้ instruction ครบถ้วนขนาดไหน (ทำอะไร ขนาดเท่าไหร่ เพื่ออะไร ทำอะไรก่อนอะไร)
แต่โดยปกติ ระยะเวลาในการได้รับแผนการรักษาอยู่ที่ประมาณ 3 วันทำการ ในกรณีเร่งด่วนจริงๆสามารถขอให้เร่งแผนการรักษาได้
Expiration date เราสั้น สั่งงานไม่ทัน
ให้พิจารณา Parameter ประกอบในการสั่งทำชิ้นงาน ถ้าเป็นเคสที่เหมาะกับแพ็กเกจนั้นๆ จะสามารถสั่งงานในระยะเวลาดังกล่าวได้ เพราะเรานับ expiration date ที่วัน ship out ไม่ใช่วัน approve case
แต่ในกรณีที่คนไข้ต้องมีระยะเวลาที่ต้องรักษาอย่างอื่นก่อน คนไข้ไปต่างประเทศ และคนไข้ที่ต้อง monitor เรื่องวินัยเป็นพิเศษ จะให้พิจารณาแพ็กเกจที่ใหญ่ขึ้น แทนการพิจารณาจากจำนวนชิ้นงาน
และนอกจากนี้เรายังมีฟีเจอร์ case upgrade ในเคสที่มีความจำเป็นต้องใช้ชิ้นงานและระยะเวลาเพิ่มจากที่วางแผนตอนแรก ถึงแม้ว่าจะมีการใส่ชิ้นงานไปแล้ว แค่เพียงอัพเกรดก่อนวันหมดอายุแพ็กเกจ
CC เคลื่อนฟันพร้อมๆกันหมดเลย ดูไม่น่าเป็นไปได้
CC ยังไม่มีการทำ auto staging ให้ แต่ถึงแบรนด์อื่นจะมี หมอก็ยังต้องเช็คแผนก่อนอยู่ดี ไม่ควรเชื่อแล็บทั้งหมด ซึ่งการที่หมอทราบหลักการในการดูแผน วาง staging จะช่วยเพิ่ม predictability ได้มากกว่า ซึ่ง CC ก็มี support ในเรื่องนี้
รอนานกว่าจะได้ใส่
เทียบกับอะไร ถ้าเทียบกับการจัดเหล็ก จัดเหล็กได้ติดเครื่องมือเลย แต่ระยะเวลากว่าจะจัดเสร็จนานกว่า สุดท้าย CC เริ่มช้ากว่า แต่สวยเร็วกว่า คนไข้ชอบแบบไหน
แต่ถ้าเทียบกับการจัดฟันใสแบรนด์อื่น ระยะเวลาตอนนี้ CC ทำได้เร็วขึ้นแล้ว อาจจะช้ากว่าประมาณ 1-2 สัปดาห์ ถ้าไม่ใช่คนไข้ต่างชาติที่ต้องรีบกลับต่างประเทศ รอเพิ่มอีกหน่อย แต่ได้ความคุ้มค่าในแง่อื่นๆ จะดีกว่าไหม